ทายาทกระสือบ้านป่าแดง

ทายาทกระสือบ้านป่าแดง

พบกันอีกครั้งกับ เรื่องเล่าลี้ลับ ที่สนุกสนานจากเราที่นี่! ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของ “ทายาทกระสือบ้านป่าแดง” การสืบทอดรุ่นต่อรุ่นเรื่องราวของกระสือที่เล่าต่อๆ กันมานานเท่านานจนถึงทุกวันนี้ มีจริงหรือไม่นั้นแต่เรื่องของความรักระหว่างคนกับกระสือนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในหมู่บ้านป่าแดง ไอ้เคนหนุ่มหล่อที่มีใจใอ้กับบัวคลี่ ไอ้เติมลูกผู้ใหญ่ที่มักมากในกาม วันนี้ทุกอย่างจะถูกตัดสิน ทุกเรื่องจะต้องยุติ ระหว่างคนกับกระสือ ทายาทกระสือบ้านป่าแดง

กระท่อมหลังหนึ่ง ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางหมู่แมกไม้ใหญ่ และในค่ำคืนนี้กลับมีเสียงร้องควรคางอย่างเจ็บปวดนางแว่วออกมาเป็นระยะ ในขณะที่มีร่างของคน 2 คน กำลังนั่งเฝ้าอยู่น่ากระท่อมอย่างกระวนกระวายใจ

“นี่ป้าบัวแกร้องควรคางมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วนะบัวคลี่ เมื่อไหร่อาการของแกจะดีขึ้นสักที” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้น

“แม่แกก็เป็นแบบนี้มา 2 คืนแล้วล่ะพี่เคน มันเป็นโรคเวรโรคกรรมของแม่ที่ต้องผจญ จนกว่ามันจะหายไปเอง หยุกยาอะไรก็ช่วยแกไม่ได้หรอก”

“ไม่น่าเลยแบบนี้แกคงทุกข์ทนทรมานน่าดู พี่ก็อยากจะช่วยแกนะ บัวคลี่มีอะไรก็บอกมาได้เลย” ชายหนุ่มหน้าคมเข้ม หันมามองใบหน้างามซึ้ง จัดเต็มไปด้วยความหม่นหมองของหญิงสาว ด้วยความห่วงใย

“ขอบใจพี่เคนมากจ้ะ ที่ช่วยเหลือดูแลฉันกับแม่เรื่อยมา แต่เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้จริงๆ นอกจากความตายเท่านั้น” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่งเครือแต่เจอไปด้วยความหมายบางประการ และเสียงร้องอย่างทรมานนั้นก็ดังกระทันแรงขึ้นกว่าเดิม จนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน

“แม่ แม่ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ” ว่าแล้วหล่อนก็ผุนผันไปที่ประตูก่อนจะผลักมันออก แล้วถ้าหลังตัวเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตูด้านพลันไว้อย่างรวดเร็วโดยที่ชายหนุ่มกำลังจะตามเข้าไปถึงกับหยุดชะงัก

“แม่ แม่เป็นอย่างไรบ้าง ฉันทนเห็นแม่ทุกข์ทรมานอย่างนี้ไม่ไหวแล้วนะ” หญิงสาวทรุดนั่งลงข้างๆ ร่างของหญิงสูงวัยที่ผอมแห้ง ผมเผ้าเป็นกระเซิง แล้วหน้าตาซูบซีดเหมือนคนอมโรคซึ่งนอนจมอยู่บนเสื่อหมอนผืนเก่า

“เอ็งเข้ามาทำไม บอกแล้วไงแม่ไม่อยากให้เองเป็นแบบนี้ แม่ขอเป็นคนสุดท้าย ที่จะตายไปพร้อมกับมัน มันทำให้ชีวิตครอบครัวของเรา ต้องล่มสลาย โอยยย…”

“ช่างเถอะแม่ ฉันไม่มีครอบครัวกับใครทั้งสิ้น แม่ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ขออย่างเดียว ให้แม่พ้นไปจากความทุกข์ทรมานนี้เสียที”

“ไม่ ไม่ต้อง ไม่ แม่ไม่ได้ต้องการแบบนั้น เอ็งก็ไม่ต้องมาห่วงแม่ แม่ทนได้ โอยย…”

“แม่ แต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ต้องการให้แม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานแบบนี้” บัวคลี่พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว เธอยื่นมือไปประคองใบหน้าของแม่ไว้ ก่อนที่จะคบหน้าลงไป ใช้ปากประกบไปที่ริมฝีปากขาวซีดของแม่ จากนั้นก็ดูดกินน้ำลายภายในช่องปากของแม่ แม้ว่าผู้เป็นแม่จะส่ายหน้าหนี แต่ก็ไม่มีแรงจะต้านทาน

ทายาทกระสือบ้านป่าแดง

“บัวคลี่ นี่เองไม่รักไอ้เคนมันแล้วหรือ” ป้าบัวเอ่ยเสียงแผ่วเบาน้ำตาใสๆไหลออกมาเป็นสายไม่ต่างจากหญิงสาว ซึ่งกำลังเงยหน้าเศร้าๆ ขึ้นมา

เรื่องของอนาคตแม่ไม่ต้องกังวลใจ แต่ในเวลานี้ฉันอยากเห็นแม่หลับตาตายอย่างไม่ทุกข์ทรมานก็พอแล้ว”

“ทำไมเวรกรรมของเราสองแม่ลูก มันไม่สิ้นสุดสักที บัวคลี่นับจากนี้ไป ขอให้เอ็งรักษาตัวเองให้ดีอย่าได้ไปทำร้ายใครเด็ดขาดนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยสั่งลา ลมหายใจอ่อนล้าลงไปในทุกขณะ พร้อมกับหลับตาลงอย่างสงบ

“แม่ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ แม่เหนื่อยเพราะฉันมามากพอแล้ว” บัวคลี่เอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมกับก้มกราบอกแม่อยากทราบซึ้งในบุญคุณ

“บัวคลี่ ป้า ป้า ป้าบัวแก…” เจ้าเคนเอ่ยปากออกมาหลังจากประตูกระท่อมเปิดออก มองเห็นหญิงสาวยืนเศร้าซึมอยู่ตรงหน้า

“จ๊ะ แม่แกไปดีแล้วล่ะพี่เคน” หล่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พี่เสียใจด้วยนะ บัวคลี่ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยเหลือบัวคลี่ทุกอย่างเลย”

“ขอบใจพี่เคนอีกครั้งที่เป็นธุระให้ฉันทุกเรื่อง ต่อไปนี้ฉันจะพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

จากวันนั้นมาบัวคลี่ก็อาศัยอยู่กระท่อมหลังเก่านั้นอย่างเดียวดาย แต่หล่อนก็หาได้หวาดกลัวต่อสิ่งใดไม่ แม้ว่าเจ้าเคน อยากจะเข้ามาดูแลหล่อนใจจะขาด แต่บัวคลี่ก็ยังใจแข็ง แกล้งผลัดผ่อนเรื่อยไป

“พี่เติมนั่นกระท่อมของใครน่ะ ทำไมถึงมาปลูกโดดเดี่ยวแบบนี้” พร้อมกับเสียงพูดของชายหนุ่ม 2 คน ที่ได้เดินตรงมาที่กระท่อม

“เออว่ะจริงด้วย มีผู้หญิงยืนตากผ้าอยู่ข้างกระท่อมด้วย” ว่าแล้วหนุ่มรูปร่างสูงโปรสวมใส่เสื้อผ้าดูดีกว่าชาวบ้านทั่วๆ ไป ก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา

“สวัสดีคนสวย ไม่นึกเลยว่ากลางป่าแบบนี้จะมีกระท่อมนางฟ้าอยู่ด้วย ช่างเป็นบุญหนุนพาให้เรามาเจอกันเสียจริงๆ “มันทำเสียงหล่ออย่างกับพระเอกเกาหลี แต่หญิงสาวกลับหันมามองตาเขียว พร้อมกับเดินปรี่มาที่ประตู

“อย่าเพิ่งไปสิจ๊ะคนสวยไม่คิดจะต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนเลยหรือ”

“ข้าไม่จำเป็นจะต้องพูดคุยกับใคร โดยเฉพาะคนแปลกหน้า หลีกไปนะข้าจะเข้าบ้าน” บัวคลี่ส่งเสียงเข้ม เมื่อเห็นมันมายืนขวางหน้า

“โอ๊ย ไม่อยากเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาทำความรู้จักกันตอนนี้เลยสิจ๊ะ” เจ้าคนที่ชื่อเติมยังคงตีหน้ามึน ทำให้หญิงสาวทำตาลูกบ่าวขึ้นมาทันที

“แต่ข้าไม่อยากรู้จัก นี่มันบ้านของข้า พวกแกถือสิทธิ์อะไรมาคุกคามคนอื่นแบบนี้”

“ข้าไม่ได้มาคุกคามอะไร ก็แค่อยากจะมาดื่มน้ำแก้กระหายเท่านั้น พอจะสงเคราะห์ให้กันได้ไหมล่ะ” มันเห็นดังนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนท่าที

“งั้นก็เชิญ ต้มน้ำอยู่ตรงเสานั่น ตักกินเอาตามสบายเลย” หญิงสาวเสียงอ่อนลง เมื่อมันหลบทางให้เดินเข้าไปในบ้าน แล้วหล่อนก็ปิดประตูลั่นดังทันที

“น้ำเย็นชื่นใจจริงแท้ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือ พอจะบอกได้ไหม?” ไอ้เติมตักน้ำกินแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมา พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆกระท่อม “ว่าอย่างไรล่ะจะไม่บอกชื่อเสียงให้ข้ารู้บ้างเลยรึ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะไม่ยอมกลับไปก็ได้นะ” มันสำทับขึ้นมาเมื่อหล่อนไม่โต้ตอบอะไร

“ได้ ถ้าชื่อบัวคลี่ ถ้ามีคู่ครองอยู่แล้ว รีบกลับไปซะก่อนที่เขาจะกลับมา”

“จริงรึ ไม่อยากจะเชื่อ ข้ามองดูแล้วเจ้าไม่เหมือนคนมีลูกมีผัวสักนิดเดียว”

“ดูเจ้ามั่นใจเหลือเกินนะ ไม่เชื่อก็แล้วไป” บัวคลี่พูดแค่นั้นก็เงียบเสียงไปไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก แม้ว่ามันพยายามจะซักถามเท่าไหร่ก็ตาม

“เออพี่เติม ข้าว่าเขาคงมีผัวแล้วจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นจะมีผู้หญิงที่ไหนกล้ามาอยู่คนเดียวแบบนี้ ข้าว่าเรากลับกันเถอะ”

“เอ็งนี่มันอ่อนเรื่องผู้หญิงจริงๆ ไม่ขาบ เอาเถอะกลับกันก่อนก็ได้ แล้วข้าจะกลับมาใหม่แน่นอน” มันพูดเสียงดังฟังชัดให้หญิงสาวได้ยินก่อนเดินออกไปจากกระท่อม เดินออกมาได้ไม่นานก็สวนทางกันกับเจ้าเคน ซึ่งกำลังหิ้วของกินมาฝากสาวบัวคลี่ สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันอย่างแข็งกร้าว ก่อนที่จะเดินผ่านเลยไป

“พี่ว่าแล้วว่าไอ้สองคนนั้นมันต้องมาคุกคามบัวคี่แน่ๆ”

“อะไร พี่เคนก็เห็นพวกมันรึ?”

“ใช่ พี่เดินสวนทางกับมันมา บัวคลี่แบบนี้เจ้าไม่ปลอดภัยแล้วนะ พี่มองปรอดเดียวก็ดูออกพวกมันไม่ใช่คนดีแน่นอน” ชายหนุ่มได้ยินเรื่องราวที่หล่อนเล่าให้ฟังแล้วก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

“แต่ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก มีดดาบฉันก็มี อย่างมากก็สู้กันแค่ตาย” หล่อนพูดขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว

“แต่พี่เป็นห่วงบัวคลี่ ไม่อยากให้อยู่คนเดียวแบบนี้ไปอยู่ที่บ้านพี่ดีกว่านะ พี่จะให้นอนอยู่กับแม่ก็ได้เพราะแม่แกก็บ่นหาบัวคลี่อยู่ทุกวัน”

“ฉันขอบใจพี่แคนมากนะ แต่บัวคลี่มีกรรม ไม่อยากทำให้พี่กับแม่ต้องเดือดร้อนเพราะตัวเองอีก ยังไงฉันก็ขออยู่คนเดียวแบบนี้ตลอดไป”

“โถ่บัวคลี่” เจ้าแค้นครางออกมาอย่างอ่อนใจเมื่อหญิงสาวยืนยันจะอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ไม่ว่าเขาจะขอร้องมากี่ครั้งกี่หนแล้วก็ตาม

เอาล่ะครับ เรื่องเล่าลี้ลับ หวังว่าคุณจะสนุกกับบทความนี้และได้รับความรื่นเริงจากเรื่องราวของ “ทายาทกระสือบ้านป่าแดง” อย่าลืมมารับชมบล็อกข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเราอีกนะครับ! ลาก่อนครับ!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *