นาคนาคีอรอุมา
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในดินแดนอาถรรพ์ของดงพญาไฟ อาตมาในเวลานั้นได้มีโอกาสออกเดินธุดงค์แต่เพียงลำพังและการออกเดินธุดงค์ในครั้งนี้นี่เองมันจึงเป็นต้นเหตุให้อาตมานั้นต้องได้มาพบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่มนุษย์อย่างเราเท่านั้น เรายังคงหาคำตอบกันไม่ได้ ท่ามกลางป่าอันรกทึบที่เต็มไปด้วยอันตรายจากสิงสาราสัตว์และอมนุษย์ อาตมานั้นยังคงออกเดินทางมาเรื่อยๆ พร้อมกับทำกิจอันชอบอย่างเป็นเนืองนิจจนกระทั่งในช่วงสายของวันหนึ่ง อาตมานั้นก็ได้เดินทางเข้าสู่อำเภอแก่งคอยและเริ่มที่จะเดินตัดเส้นทางไปยังจังหวัดนครนายก และได้เดินทางเข้ามาสู่ปากแบบนี้แล้วอาตมานั้นกลับรู้สึกว่า ป่าแห่งนี้ล้วนแต่มีภูติผีปีศาจ และนางไม้ รวมไปถึงรุกขเทวดาอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าอาตมานั้นจะต้องตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้มากขึ้นตามลำดับ เพราะส่วนหนึ่งจะเดินเป็นเกราะกำบังไอ้สิ่งไม่ดีนั้นไม่สามารถเข้ามากล้ำกรายและทำอันตรายแก่อาตมาได้ แล้วเมื่ออาตมาได้เดินทางมาสักระยะแล้วสิ่งอัศจรรย์และอันตรายจากป่าแห่งนี้ก็เริ่มที่จะส่อแววเกิดขึ้นกับตัวของอาตมาอย่างช้า ช้า เพราะในช่วงเวลานั้นราวกับว่าอาตมานี้เองกำลังที่จะเดินหลงป่าหรือหลงทางเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหน อาตมาก็พบว่าตัวอาตมาเองกลับเดินวกกลับมาอยู่ที่เก่าตลอดเวลา ความรู้สึกในเวลานั้นมันราวกับว่ากำลังมีสิ่งลี้ลับบางสิ่งบางอย่างกำลังทำให้การเดินทางของอาตมานั้นต้องเดินทางช้าลงหรืออาจจะต้องการให้อาตมานั้นพักแรมอยู่ที่นี่ จนในที่สุดอาตมาจึงต้องจำใจหาที่ปักกรดค้างแรม เพราะในเวลานี้แสงของพระอาทิตย์ก็กำลังจะลาลับฟ้าไปจนเสียเต็มที่ และแล้วในเวลาไม่นานมากนักแสงของพระอาทิตย์ก็ได้ลาลับฟ้าไป พร้อมๆกับแสงของเงาจันทร์ที่เริ่มจะทอแสงลงมาแทนที่ พร้อมๆกับการทำกิจของสงฆ์ที่อาตมานั้นยังคงสวดมนต์นั่งสมาธิตามที่เคยได้ทำมาในทุกๆวัน ความเงียบวังเวงในป่าดงพญาไฟเริ่มที่จะเคลือบกินสิ่งต่างๆจนมันทำให้อาตมานั้นได้รับรู้ถึงความเงียบสงบของป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีแต่ความเงียบงันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้มันก็เหมือนที่จะถูกแฝงด้วยอันตรายบางสิ่งบางอย่างอยู่เช่นกัน และอาตมาในเวลานั้นก็คงจะต้องได้แต่สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาเพียงเท่านั้นเอง เวลาของรัตติกาลได้เดินทางผ่านไปอย่างช้าช้าพร้อมๆ กับความเงียบวังเวงของพงไพร ที่ยังคงปกคลุมบรรยากาศรอบ รอบไปทั่วบริเวณที่อาตมากำลังใช้พักแรม จนในที่สุดเวลาของการออกมาต้อนรับของแขกผู้มาเยือก็ได้มาถึงเพราะในเวลานี้หูของอาตมานั้นที่จะได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนตัวมาที่หน้ากรดของอาตมา ซึ่งหากหูของอาตมาไม่ฝาดไปเสียงนั้น…
พระธุดงค์กับสมิงนาคราช
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในห้วงเวลาขนาดนั้นอาตมายังคงเฝ้าเพียงศึกษาธรรมะไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อหวังว่าจะขัดเกลาจิตใจและให้ได้บรรลุธรรมตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุที่อาตมานั้นไม่มีทางโลกที่จะต้องห่วงจึงได้ตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมและออกเดินธุดงค์ตลอดเรื่อยมาซึ่งในการออกธุดงค์ในแต่ละครั้งก็ล้วนแต่ได้พบสัจธรรมต่างๆและสิ่งที่แปลกประหลาดที่ยังคงซ่อนเร้น อยู่ในมิติคู่ขนานของโลกใบนี้ ในช่วงเวลาของการออกเดินธุดงค์ในช่วงนั้นอาตมาตั้งใจที่จะออกเดินทางจากจังหวัดสระบุรีเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดปราจีนบุรีเพื่อที่จะได้ไปนมัสการอาจารย์ที่เคารพนับถือ และถือว่าเป็นการออกเดินธุดงค์เพื่อปลีกวิเวกและปล่อยวางทุกๆอย่างไปในตัว จนมันต้องเป็นเหตุทำให้อาตมานั้นต้องพัดหลงไปยังสถานที่ต่างๆอย่างไม่ตั้งใจหรืออาจจะเป็นเพราะกรรมแต่ปางหลังที่เคยร่วมกันกระทำมาอาตมาจึงต้องได้มาพบกับสิ่งอัศจรรย์ใจตลอดระยะเวลาของการออกเดินธุดงค์ในครั้งนี้ เมื่อครั้งที่เดินทางมาถึงยังป่าดงพญาไฟในครั้งนั้นอาตมาเริ่มที่จะรับรู้เหตุการณ์หลายอย่างได้เป็นอย่างดีเพราะป่าแห่งนี้มันค่อนข้างมีอาถรรพ์ซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก พระอาจารย์ของอาตมาจึงคอยกำชับให้อาตมานั้นตั้งใจเล่าเรียนคัมภีร์พระเวทย์มนตราด้วยส่วนหนึ่งจะได้ใช้มันในยามฉุกเฉิน ในช่วงเย็นของวันนั้นอาตมาได้เดินธุดงค์มาค่อนข้างไกล และเริ่มที่จะเข้าแนวเขตจังหวัดนครนายกแล้วเมื่อสายตามองไปยังพระอาทิตย์ก็พบว่าเป็นเวลาที่ใกล้จะค่ำมืดแล้ว อาตมาจึงตัดสินใจที่จะหาที่พักแรมเหมือนที่เคยกระทำมาในทุกๆวัน แต่ในค่ำคืนนี้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะอาตมานั้นก็กำลังจะได้พบกับอีกมิติหนึ่งที่หลายๆคนยังคงเฝ้าหาคำตอบตลอดมา หลังจากที่แสงของพระอาทิตย์ได้ลาลับฟ้าไปแล้วความมืดก็ได้เข้ามาปกคลุมป่าทั้งป่าจนมืดมิด ก็คงจะมีแต่แสงของเทียนเล่มเล็กๆที่อาตมาได้จุดเอาไว้เพื่อให้พอมีแสงสว่างคงอยู่บ้าง สายลมเริ่มพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาอย่างช้าๆ และสายลมที่เริ่มจะพัดเข้ามานี้นี่เองมันถึงทำให้อาตมาเริ่มที่จะรู้สึกตัวได้ว่าสายลมพวกนี้มันไม่เหมือนสายลมทั่วไปอุณหภูมิของมันที่มากระทบกายของเรานั้นมันค่อนข้างที่จะผิดแปลกไปจากธรรมชาติ จนในที่สุดเมื่อเวลาเริ่มที่จะดึกมากขึ้น ปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติก็เริ่มที่จะคืบคลานเข้ามาหาอาตมาอย่างช้าๆท่ามกลางความเย็นนั้นของป่าดงพงไพร เสียงของการก้าวเท้าเคลื่อนไหวก็เริ่มที่จะดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายราวกับว่าต้นตอของเสียงพวกนั้นมันกำลังที่จะทำให้อาตมาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาภายในจิตใจ แสงจันทร์ที่กำลังส่งมาอย่างนวลตามันจึงพอที่จะทำให้อาตมานั้นได้เห็นภาพของผู้มาเยือนได้อย่างเด่นชัด ภาพๆนั้นเป็นภาพของเสือลายพาดกลอนตัวขนาดใหญ่ที่มันกำลังเดินเข้ามาหาราวกับว่ามันนั้นกำลังเดินมาหาเหยื่ออันโอชะของมัน ทั้งที่ร่างของมันได้ปรากฎขึ้น อาตมาในเวลานั้นก็ได้แต่สวดมนต์และอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้กับมัน จนมันนั้นได้มาล้มตัวลงนอนที่ด้านหน้ากรดของอาตมาจนอาตมานั้นแทบที่จะไม่กล้าขยับตัวไปไหน ร่างกายลำตัวของมันค่อนข้างมีขนาดที่ใหญ่โตแต่สิ่งที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติของเสือคงจะไม่พ้นว่าที่ลำตัวและขนของมัน กลับไม่ใช่ขนจำพวกเสือแต่อย่างใด ในทางกลับกันรอบๆลำตัวของมันกลับมีเกล็ดสีดำขนาดใหญ่อยู่รอบๆตัวมันจึงทำให้อาตมานั้นค่อนข้างมั่นใจว่าเสือตัวนี้คงจะไม่ใช่เสือธรรมดาอย่างแน่นอน เวลาเริ่มที่จะตกดึกมากขึ้นในทุกๆขณะสิ่งอัศจรรย์ใจก็เริ่มเกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายท่ามกลางความเงียบงันมีเพียงตัวของอาตมาและเสือที่มีเกล็ดสีดำห่อหุ้มตัวไว้ในตอนนี้ ก็พลันเริ่มที่จะมีเสียงของฝีเท้าบางอย่างที่มันเริ่มจะเดินมาทางที่อาตมาใช้พักแรมอยู่…